top of page
Search

เจาะลึกฟิลเลอร์ใต้ตา: แก้ปัญหาดูแก่ก่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติ

Updated: Oct 31

รู้สึกอึดอัดกับรอยคล้ำใต้ตา ถุงใต้ตา หรือร่องลึกที่ทำให้ดูเหนื่อยล้าตลอดเวลาใช่ไหม? ไม่ว่าจะนอนเต็มอิ่มแค่ไหน แต่ดวงตาก็ยังดูอ่อนล้า หมองคล้ำ จนหลายคนถามว่า "นอนดึกหรือเปล่า?" ถ้าคุณกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ฟิลเลอร์ใต้ตา อาจเป็นทางออกที่ช่วยให้ดวงตากลับมาสดใสอีกครั้ง


วันนี้เราจะมาคุยกันแบบเจาะลึกว่าฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง เหมาะกับใคร และที่สำคัญคือต้องระวังอะไรบ้าง เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจก่อนลงมือทำจริง

สารบัญฟิลเลอร์ใต้ตา


ทำความรู้จักฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาคือการฉีดสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าไปในบริเวณใต้ตาเพื่อเติมเต็มร่องลึกและแก้ไขปัญหาต่างๆ สารนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการอุ้มน้ำ ช่วยให้ผิวบริเวณใต้ตาดูอิ่มเอิบ เรียบเนียน และดูอ่อนวัยขึ้น


ที่สำคัญคือ HA เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายเราตามธรรมชาติ ทำให้ปลอดภัยและไม่เกิดการแพ้ง่าย ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เองภายใน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลตัวของแต่ละคน

Image suggestion: ภาพเปรียบเทียบก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของร่องลึกและรอยคล้ำที่ลดลง


ปัญหาใต้ตาที่ฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขได้

ก่อนจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มาดูกันก่อนว่าปัญหาของเราตรงกับข้อไหนบ้าง


1. ร่องลึกใต้ตา (Tear Trough)

ร่องลึกที่เกิดขึ้นระหว่างขอบตากับแก้มตอนบน มักเริ่มจากหัวตาลากไปถึงกลางดวงตา ทำให้หน้าดูโทรม เหนื่อยล้า แม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้ว ปัญหานี้เกิดจากการสูญเสียไขมันใต้ตาและการหย่อนของผิวหนังตามวัย


2. ถุงใต้ตา (Eye Bags)

ไขมันใต้ตาที่ยื่นออกมาทำให้เกิดความนูนใต้ตา สร้างเงาที่ทำให้ดูคล้ำและเหนื่อย ฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มบริเวณร่องข้างถุงใต้ตา ทำให้การเปลี่ยนผ่านจากถุงใต้ตาไปยังแก้มดูราบรื่นขึ้น


3. รอยคล้ำใต้ตา (Dark Circles)

แม้ว่ารอยคล้ำมีหลายสาเหตุ แต่ถ้าเกิดจากร่องลึกที่สร้างเงา ฟิลเลอร์จะช่วยให้บริเวณนั้นเรียบขึ้น ลดเงาและทำให้รอยคล้ำดูจางลง แต่ถ้าคล้ำจากเม็ดสีจริงๆ อาจต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย


4. ผิวหย่อนคล้อยใต้ตา

เมื่ออายุมากขึ้น ผิวใต้ตาจะบางลงและหย่อนคล้อย ฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มปริมาตรใต้ผิว ทำให้ผิวดูกระชับและเต่งตึงขึ้น

Image suggestion: ภาพอธิบายปัญหาต่างๆ ใต้ตา พร้อมลูกศรชี้บริเวณที่มีปัญหา


กระบวนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ต้องใช้ความชำนาญสูง เพราะผิวบริเวณนี้บางมากและมีเส้นเลือดมาก มาดูขั้นตอนการทำกันค่ะ


ขั้นตอนก่อนฉีด

  1. ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด - แพทย์จะประเมินปัญหาและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคน

  2. ทำความสะอาดบริเวณใต้ตา - เช็ดเครื่องสำอางและทำความสะอาดผิวให้ปลอดเชื้อ

  3. ทายาชาหรือประคบเย็น - เพื่อลดความเจ็บและความไม่สบายระหว่างฉีด


ขั้นตอนการฉีด

แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กหรือแคนนูล่า (เข็มปลายทู่) ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปใต้ผิวหนัง โดยมีเทคนิคการฉีด 2 แบบหลักๆ

  1. การฉีดชั้นลึก (Deep Injection) - ฉีดลงไปถึงชั้น SOOF (Suborbicularis Oculi Fat) เพื่อเติมเต็มร่องลึก เหมาะกับคนที่มีร่องลึกมาก

  2. การฉีดชั้นตื้น (Superficial Injection) - ฉีดใต้ผิวหนังเพื่อปรับผิวให้เรียบเนียน เหมาะกับการแก้ไขร่องตื้นๆ

ใช้เวลาทำประมาณ 15-30 นาที และเห็นผลทันทีหลังฉีด


ปริมาณที่ใช้

โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 0.5-1 ซีซีต่อข้าง ขึ้นอยู่กับความลึกของร่องและปัญหาที่ต้องการแก้ไข แพทย์มักจะเริ่มจากปริมาณน้อยก่อน แล้วค่อยเติมเพิ่มถ้าจำเป็น



ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ของฟิลเลอร์ใต้ตา

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที แต่ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์จะเห็นชัดเจนหลังจากอาการบวมหายไปแล้ว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน


ผลลัพธ์ที่ได้รับ

  • ร่องลึกใต้ตาตื้นขึ้นหรือหายไป

  • รอยคล้ำจากเงาดูจางลง

  • ดวงตาดูสดใส ไม่อ่อนล้า

  • ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้น

  • ผิวใต้ตาดูอิ่มน้ำ ชุ่มชื้นขึ้น


ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน บางคนอาจนานถึง 18 เดือน ขึ้นอยู่กับ:

  • ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้

  • อัตราการเผาผลาญของแต่ละคน

  • การดูแลตัวหลังฉีด

  • ปัจจัยด้านวิถีชีวิต เช่น การพักผ่อน การออกกำลังกาย


การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การดูแลหลังฉีดมีความสำคัญมาก ช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดีและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน


สิ่งที่ควรทำ

  1. ประคบเย็น เป็นระยะๆ ใน 24-48 ชั่วโมงแรกเพื่อลดบวม

  2. นอนหนุนหมอนสูง 2-3 คืนแรกเพื่อลดการบวม

  3. ทานยาตามที่แพทย์สั่ง ครบถ้วน

  4. ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ทำงานได้ดี


สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  1. อย่าแตะ ขยี้ หรือนวดบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 3 วัน

  2. งดออกกำลังกายหนักๆ 48 ชั่วโมง

  3. หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ 1 สัปดาห์

  4. งดดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมง

  5. งดทำเลเซอร์ บริเวณใต้ตาอย่างน้อย 1 เดือน



ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

แม้ว่าฟิลเลอร์ใต้ตาจะค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องชั่วคราว


ผลข้างเคียงทั่วไป (พบบ่อย)

  • บวมเล็กน้อย - ปกติจะหายภายใน 3-7 วัน

  • รอยช้ำ - เกิดได้ง่ายเพราะผิวใต้ตาบางและมีเส้นเลือดมาก หายได้เองใน 7-14 วัน

  • รอยแดงจากเข็ม - หายได้เองใน 1-2 วัน

  • รู้สึกตึงๆ - เป็นความรู้สึกชั่วคราวขณะที่ฟิลเลอร์กำลังเข้าที่


ผลข้างเคียงที่พบน้อย

  • เป็นก้อน - อาจเกิดขึ้นได้ถ้าฉีดไม่สม่ำเสมอ ต้องให้แพทย์แก้ไข

  • Tyndall Effect - ฟิลเลอร์ดูเป็นสีฟ้าอมม่วงใต้ผิว เกิดจากการฉีดตื้นเกินไป

  • ฟิลเลอร์เคลื่อน - หากนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดมากเกินไป


เมื่อไหร่ควรรีบพบแพทย์

  • ผิวซีดขาวหรือเขียวคล้ำผิดปกติ

  • ปวดรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

  • มีปัญหาการมองเห็น

  • บวมมากผิดปกติหรือบวมเพิ่มขึ้นหลัง 3 วัน

  • มีไข้หรือมีหนองในบริเวณที่ฉีด



ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีหลายสิ่งที่ควรคำนึงถึง


ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • มีร่องลึกใต้ตาที่ชัดเจน

  • ถุงใต้ตาไม่ใหญ่มากเกินไป

  • ผิวยังมีความยืดหยุ่นอยู่บ้าง

  • อายุ 25 ปีขึ้นไป

  • สุขภาพโดยรวมดี


ผู้ที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

  • ถุงใต้ตาใหญ่มาก (อาจต้องผ่าตัดแทน)

  • ผิวหย่อนคล้อยมากเกินไป

  • มีโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด

  • กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

  • แพ้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด


ทางเลือกอื่นๆ

ถ้าฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับคุณ ยังมีทางเลือกอื่นๆ เช่น

  • การผ่าตัดถุงใต้ตา

  • การทำเลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน

  • การฉีดไขมันตัวเอง (Fat Transfer)

  • การใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของเรตินอล

Image suggestion: ถุงใต้ตาใหญ่มาก


เลือกคลินิกและแพทย์อย่างไร ให้สวยปลอดภัย

การตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เพื่อความสวยงาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ


  • คลินิกที่ได้รับอนุญาต: ต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง และสะอาดถูกสุขลักษณะ

  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: มีประสบการณ์ด้านเวชศาสตร์ความงาม ให้คำปรึกษาละเอียด และมีการติดตามผลหลังทำ

  • ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น: ตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และมีการแกะกล่องใหม่ต่อหน้าทุกครั้ง

  • ระวังสัญญาณอันตราย: เช่น ราคาถูกผิดปกติ หรือไม่ยอมให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์



ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา

ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณที่ใช้ และความชำนาญของแพทย์


ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาโดยทั่วไป

  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,900-15,000 บาทต่อครั้ง

  • ฟิลเลอร์ Premium อาจสูงถึง 20,000-30,000 บาท

  • บางคลินิกคิดราคาต่อซีซี ประมาณ 12,000-18,000 บาทต่อซีซี

Image suggestion: รูปฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อต่าง ๆ

Internal link: แนะนำสินค้าฟิลเลอร์ที่เหมาะกับใต้ตา


ปัจจัยที่มีผลต่อราคาฟิลเลอร์

  1. ยี่ห้อและคุณภาพของฟิลเลอร์

  2. ปริมาณที่ใช้ (ปกติ 0.5-1 ซีซีต่อข้าง)

  3. ประสบการณ์ของแพทย์

  4. ทำเลที่ตั้งของคลินิก

  5. บริการเสริม เช่น การตรวจติดตามผล

ข้อควรระวัง: อย่าเลือกทำเพราะราคาถูกเพียงอย่างเดียว ความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีสำคัญกว่า


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา


Q: ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม?

A: ก่อนฉีดจะมีการทายาชาหรือฉีดยาชาเฉพาะที่ ทำให้ความเจ็บน้อยมาก รู้สึกแค่เหมือนมดกัดเบาๆ บางคนอาจรู้สึกตึงๆ ขณะฉีด แต่ทนได้ไม่ทรมาน


Q: ต้องฉีดซ้ำบ่อยแค่ไหน?

A: โดยทั่วไปฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แนะนำให้ฉีดเติมเมื่อเริ่มเห็นว่าฟิลเลอร์ลดลง ไม่จำเป็นต้องรอให้หมดเกลี้ยง


Q: ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติไหม?

A: ถ้าฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและใช้ปริมาณที่เหมาะสม ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติมาก คนอื่นจะสังเกตว่าคุณดูสดใสขึ้น แต่ไม่รู้ว่าทำอะไรมา


Q: ถ้าไม่ชอบผลลัพธ์ แก้ไขได้ไหม?

A: ได้ค่ะ ฟิลเลอร์ HA สามารถสลายได้ด้วยการฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase ถ้าไม่พอใจผลลัพธ์หรือเกิดปัญหา แพทย์สามารถฉีดสลายได้ทันที


Q: ฉีดฟิลเลอร์แล้วใส่คอนแทคเลนส์ได้ไหม?

A: แนะนำให้งดใส่คอนแทคเลนส์ 1-2 วันหลังฉีด เพื่อหลีกเลี่ยงการกดหรือดึงผิวบริเวณใต้ตา หลังจากนั้นสามารถใส่ได้ตามปกติ


สรุป: ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีปัญหาร่องลึก ถุงใต้ตา หรือรอยคล้ำจากเงา ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที ไม่ต้องผ่าตัด ฟื้นตัวเร็ว และค่อนข้างปลอดภัยเมื่อทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


แต่ก่อนตัดสินใจ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่ต้องการความชำนาญสูงในการฉีด อย่าเสี่ยงกับคลินิกที่ไม่มีมาตรฐานหรือฟิลเลอร์ปลอม


ที่สำคัญที่สุด จำไว้ว่าความสวยที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การไม่มีริ้วรอยเลย แต่อยู่ที่ความมั่นใจและรอยยิ้มที่มีความสุข ฟิลเลอร์เป็นเพียงตัวช่วยให้คุณดูสดใสและมั่นใจมากขึ้น หากคุณพร้อมแล้ว ก็ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมกับคุณที่สุดนะคะ

Image suggestion: ภาพผู้หญิงที่มีดวงตาสดใสและรอยยิ้มมั่นใจหลังการทำฟิลเลอร์ใต้ตา


หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงคำแนะนำทั่วไป ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำหัตถการใดๆ


Recent Posts

See All
คู่มือโบท็อกซ์ อัปเดต 2025

ถ้าคุณกำลังเล็งโบท็อกซ์อยู่ แต่ก็ยังมีหลายคำถามในหัว เช่น“มันคืออะไร? เจ็บไหม? หน้าจะแข็งหรือเปล่า? ราคาเท่าไหร่?” คุณไม่ได้เดียวดายเลยค่ะ ทุกคนผ่านช่วงสงสัยแบบนี้เหมือนกัน บทความนี้จะชวนคุยแบบเพื่อนต

 
 
 

Comments


บทความทั้งหมด

ช่องทางการติดตาม

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

LINE: @aestheticfriends

bottom of page