top of page
Search

เจาะลึกฟิลเลอร์ร่องแก้ม: ลบร่องลึก คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าดูเด็กลงทันตา

Updated: Oct 31

พูดถึงปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย หลายคนคงนึกถึง "ร่องแก้ม" หรือที่เรียกกันว่า Nasolabial Fold เป็นอันดับต้นๆ เลยใช่ไหม? ร่องลึกที่ทอดยาวจากข้างจมูกลงมาถึงมุมปาก ไม่เพียงแค่ทำให้ดูแก่ แต่ยังทำให้สีหน้าดูเศร้าหมองอีกด้วย


วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ทางเลือกที่ช่วยให้คุณกลับมาดูอ่อนเยาว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมข้อมูลครบถ้วนที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ

Image suggestion: ภาพก่อน/หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม


สารบัญฟิลเลอร์ร่องแก้ม



ทำความรู้จักกับร่องแก้ม สาเหตุที่ทำให้หน้าดูแก่

ร่องแก้ม หรือ Nasolabial Fold คือร่องลึกที่เกิดขึ้นระหว่างแก้มกับริมฝีปากบน พูดง่ายๆ คือเส้นที่ลากจากข้างจมูกลงมาถึงมุมปาก ทุกคนมีร่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่เด็ก แต่จะเห็นชัดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น


สาเหตุที่ทำให้ร่องแก้มลึกขึ้น

  • อายุที่มากขึ้น คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวลดลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย

  • แรงโน้มถ่วงของโลก ดึงให้ผิวหนังและไขมันย้อยลงมาด้านล่าง

  • การสูญเสียไขมันใต้ผิว โดยเฉพาะบริเวณแก้มส่วนบน ทำให้เกิดร่องลึก

  • พันธุกรรม บางคนมีโครงสร้างกระดูกที่ทำให้เกิดร่องแก้มได้ง่าย

  • การแสดงสีหน้าบ่อยๆ ยิ้ม หัวเราะ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานซ้ำๆ

  • การสูบบุหรี่ ทำลายคอลลาเจนและทำให้ผิวแก่เร็ว

  • การตากแดดมากเกินไป รังสี UV ทำลายความยืดหยุ่นของผิว

Image suggestion: [ภาพเปรียบเทียบร่องแก้มในแต่ละช่วงอายุ]



ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร? ทำไมถึงเป็นทางเลือกยอดนิยม

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือการฉีดสารเติมเต็ม (ส่วนใหญ่เป็น Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าไปในบริเวณร่องแก้มเพื่อเติมเต็มร่องลึกให้ตื้นขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์ขึ้นทันที


ข้อดีของฟิลเลอร์ร่องแก้ม

  • เห็นผลทันที พอฉีดเสร็จจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลย

  • ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาเพียง 15-30 นาที

  • ปลอดภัย ใช้สาร HA ที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว

  • กลับไปใช้ชีวิตปกติได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นนาน

  • ปรับแต่งได้ สามารถเติมเพิ่มหรือสลายออกได้

  • ดูเป็นธรรมชาติ เมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญ



กระบวนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ทำอย่างไร ใช้เวลานานแค่ไหน

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด มาดูขั้นตอนกันว่ามีอะไรบ้าง


ขั้นตอนการฉีด

  1. ปรึกษาแพทย์ (15-20 นาที)

    • ประเมินความลึกของร่องแก้ม

    • วางแผนการรักษา

    • เลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม


  2. เตรียมผิว (10 นาที)

    • ทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีด

    • ทายาชาหรือประคบเย็น

    • มาร์คจุดที่จะฉีด


  3. ฉีดฟิลเลอร์ (15-20 นาที)

    • แพทย์จะใช้เข็มเล็กๆ หรือแคนนูลา

    • ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิวที่เหมาะสม

    • นวดเบาๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัว


  4. ตรวจสอบผลลัพธ์ (5 นาที)

    • ดูความสมมาตรของใบหน้า

    • เติมเพิ่มในจุดที่จำเป็น

รวมเวลาทั้งหมด: ประมาณ 45-60 นาที



ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้และราคา อัปเดต 2025

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มแต่ละคน


ปริมาณที่ใช้โดยทั่วไป

  • ร่องแก้มตื้น: 0.5 CC ต่อข้าง

  • ร่องแก้มปานกลาง: 0.5-1 CC ต่อข้าง

  • ร่องแก้มลึกมาก: 1-1.5 CC ต่อข้าง


ราคาฟิลเลอร์ร่องแก้ม

  • ราคาเริ่มต้น: 6,990 บาท

  • ฟิลเลอร์ทั่วไป: 8,000-15,000 บาทต่อ CC

  • ฟิลเลอร์พรีเมียม: 15,000-25,000 บาทต่อ CC

Image suggestion: รูปฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อต่าง ๆ

Internal link: แนะนำสินค้าฟิลเลอร์ที่เหมาะกับร่องแก้ม


หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างกันตามคลินิก ยี่ห้อฟิลเลอร์ และประสบการณ์ของแพทย์



ผลลัพธ์ที่ได้ และฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที แต่ผลลัพธ์สมบูรณ์จะเห็นหลังจากบวมหายดีแล้ว


Timeline ของผลลัพธ์

  • ทันทีหลังฉีด เห็นร่องแก้มตื้นขึ้น 70-80%

  • 3-7 วัน บวมลดลง เห็นผลชัดเจนขึ้น

  • 2 สัปดาห์ ฟิลเลอร์เข้าที่สมบูรณ์ เห็นผลลัพธ์เต็มที่

  • 6-18 เดือน ฟิลเลอร์ค่อยๆ สลายไป


ปัจจัยที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน

  • ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้

  • อัตราการเผาผลาญของแต่ละคน

  • การดูแลตัวเองหลังฉีด

  • ปริมาณที่ฉีด (ฉีดมากอยู่นานกว่า)



การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การดูแลหลังฉีดมีความสำคัญไม่แพ้กับการเลือกแพทย์ที่ดี ทำตามนี้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


สิ่งที่ควรทำ

  • ประคบเย็น 10-15 นาทีทุก 2-3 ชั่วโมงในวันแรก

  • ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร

  • นอนหนุนหมอนสูง 2-3 คืนแรก

  • ทานยาตามแพทย์สั่ง ถ้ามี


สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อย่านวดหรือกดบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 1 สัปดาห์

  • งดออกกำลังกายหนัก 48 ชั่วโมง

  • หลีกเลี่ยงความร้อน ซาวน่า อบไอน้ำ 1 สัปดาห์

  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมง

  • งดทานอาหารเค็มจัด เพราะจะทำให้บวมมากขึ้น



อาการข้างเคียงที่อาจพบ และวิธีรับมือ

แม้ฟิลเลอร์ร่องแก้มจะค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็อาจมีอาการข้างเคียงได้บ้าง


อาการปกติที่พบบ่อย

  • บวมแดง หายใน 2-3 วัน

  • รอยช้ำ หายใน 7-10 วัน

  • เจ็บตึงๆ เป็นเรื่องปกติ 1-2 วัน


อาการที่ควรพบแพทย์ทันที

  • ผิวซีดขาวหรือเปลี่ยนสี

  • ปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

  • บวมมากผิดปกติหลัง 3 วัน

  • มีไข้ หนอง หรือติดเชื้อ

  • มองเห็นไม่ชัด (พบน้อยมาก)



ใครเหมาะกับฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มาดูกันว่าคุณอยู่ในกลุ่มไหน


เหมาะสำหรับ

  • อายุ 25 ปีขึ้นไป

  • มีร่องแก้มลึกที่เห็นชัดเจน

  • ผิวยังมีความยืดหยุ่นพอสมควร

  • ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

  • ไม่พร้อมผ่าตัด


ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

  • ผู้ที่แพ้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด

  • มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด

  • มีโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด

  • ผิวหย่อนคล้อยมากเกินไป (อาจต้องผ่าตัดแทน)



เทคนิคพิเศษในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ดูเป็นธรรมชาติ

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้สวยและดูเป็นธรรมชาติ ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์


เทคนิคยอดนิยม

  1. Linear Threading ฉีดเป็นเส้นตามแนวร่องแก้ม

  2. Cross-Hatching ฉีดแบบตาข่ายเพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายสม่ำเสมอ

  3. Deep Injection ฉีดลึกถึงชั้นกระดูกในบางจุด

  4. Superficial Injection ฉีดตื้นเพื่อเติมร่องเล็กๆ


เคล็ดลับให้ดูธรรมชาติ

  • ฉีดทีละน้อย ค่อยๆ เติม

  • คำนึงถึงสัดส่วนใบหน้าโดยรวม

  • ไม่ฉีดมากเกินไปในครั้งเดียว

  • เลือกฟิลเลอร์ที่มีความหนืดเหมาะสม



เลือกคลินิกและแพทย์อย่างไร ให้สวยปลอดภัย

การตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เพื่อความสวยงาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ


  • คลินิกที่ได้รับอนุญาต ต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง และสะอาดถูกสุขลักษณะ

  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ด้านเวชศาสตร์ความงาม ให้คำปรึกษาละเอียด และมีการติดตามผลหลังทำ

  • ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น ตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และมีการแกะกล่องใหม่ต่อหน้าทุกครั้ง

  • ระวังสัญญาณอันตราย เช่น ราคาถูกผิดปกติ หรือไม่ยอมให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ร่องแก้ม


Q: ฉีดแล้วจะดูแข็งหรือไม่เป็นธรรมชาติไหม?

A: ถ้าฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและใช้ฟิลเลอร์คุณภาพดี จะไม่แข็งและดูเป็นธรรมชาติ สามารถยิ้มหัวเราะได้ตามปกติ


Q: ฉีดครั้งเดียวจบหรือต้องฉีดต่อเนื่อง?

A: ส่วนใหญ่ฉีดครั้งเดียวก็เห็นผล แต่บางคนที่ร่องลึกมากอาจต้องแบ่งฉีด 2-3 ครั้ง ห่างกัน 2-4 สัปดาห์


Q: ถ้าไม่ชอบผลลัพธ์ แก้ไขได้ไหม?

A: ได้ค่ะ สามารถฉีดสารสลาย (Hyaluronidase) เพื่อละลายฟิลเลอร์ได้ทันที


Q: ฉีดบ่อยๆ จะทำให้หน้าบวมใหญ่ไหม?

A: ถ้าฉีดในปริมาณที่เหมาะสมและรอให้ฟิลเลอร์เก่าสลายไปบ้างก่อนเติมใหม่ จะไม่ทำให้หน้าบวมใหญ่


Q: ฟิลเลอร์สลายหมดแล้ว ร่องแก้มจะลึกกว่าเดิมไหม?

A: ไม่ค่ะ เมื่อฟิลเลอร์สลายหมด ร่องแก้มจะกลับมาเหมือนเดิม และอาจดูดีขึ้นเล็กน้อยเพราะฟิลเลอร์ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน



สรุป: ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ทางเลือกคืนความอ่อนเยาว์อย่างมีประสิทธิภาพ


ฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ดี ปลอดภัย และเห็นผลรวดเร็ว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาร่องแก้มลึกและต้องการแก้ไขโดยไม่ต้องผ่าตัด สิ่งสำคัญคือต้องเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน และปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการรักษาอย่างเคร่งครัด


หากคุณกำลังลังเลว่าจะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มดีหรือไม่ ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมกับใบหน้าของคุณ เพราะการดูแลความงามที่ดีที่สุดคือการเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเราเองนั่นเอง


อย่าลืม: ความสวยที่ยั่งยืนไม่ได้มาจากการฉีดฟิลเลอร์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูแลสุขภาพผิวในภาพรวม ทั้งการทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ และปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยนะคะ

Image suggestion: ภาพก่อน/หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม


หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงคำแนะนำทั่วไป ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำหัตถการใดๆ


Recent Posts

See All
คู่มือโบท็อกซ์ อัปเดต 2025

ถ้าคุณกำลังเล็งโบท็อกซ์อยู่ แต่ก็ยังมีหลายคำถามในหัว เช่น“มันคืออะไร? เจ็บไหม? หน้าจะแข็งหรือเปล่า? ราคาเท่าไหร่?” คุณไม่ได้เดียวดายเลยค่ะ ทุกคนผ่านช่วงสงสัยแบบนี้เหมือนกัน บทความนี้จะชวนคุยแบบเพื่อนต

 
 
 

Comments


บทความทั้งหมด

ช่องทางการติดตาม

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

LINE: @aestheticfriends

bottom of page